Snow White (2025) สโนว์ไวท์

Snow White ฉบับคนแสดง (Live-Action) ของ Disney ในปี 2025 เป็นความพยายามที่จะนำเรื่องราวคลาสสิกปี 1937 มาตีความใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย โดยเน้นย้ำถึงความเป็นผู้นำและความเข้มแข็งของตัวเอกหญิงมากกว่าการรอคอยเจ้าชาย แต่น่าเสียดายที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบปัญหาอย่างมากทั้งในด้านคำวิจารณ์และผลตอบรับจากผู้ชม จนกลายเป็นหนึ่งในหนังรีเมคของ Disney ที่มีกระแสวิจารณ์แตกแยกที่สุด

คะแนนและกระแสวิจารณ์โดยรวม

 

  • Rotten Tomatoes (นักวิจารณ์): ค่อนข้างผสมผสานถึงติดลบ โดยได้คะแนนประมาณ 40-47% นักวิจารณ์ส่วนใหญ่ชื่นชมการแสดงของ ราเชล เซเกลอร์ (Rachel Zegler) ในบทนำโดยเฉพาะทักษะด้านการร้องเพลง แต่มีปัญหาอย่างมากกับทางเลือกด้านสไตล์ ภาพ CGI และการเปลี่ยนแปลงบทสรุปของเรื่อง
  • IMDB: คะแนนผู้ใช้ประสบปัญหา “Review Bombing” อย่างรุนแรงหลังการเข้าฉาย ทำให้คะแนนเฉลี่ยร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ของภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ โดยอยู่ระหว่าง ในช่วงแรก (IMDB ได้ใส่หมายเหตุว่ามีการโหวตที่ผิดปกติ) แม้ว่าคะแนนผู้ใช้ที่ได้รับการยืนยัน (Verified Audience Score) บน Rotten Tomatoes จะดีกว่า (74%) แต่กระแสในวงกว้างยังคงเป็นไปในทางลบ
  • Box Office: ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่า ล้มเหลว ในเชิงรายได้ เมื่อเทียบกับทุนสร้างที่สูง ($240-$270 ล้าน)

 

เรื่องย่อโดยละเอียดและสปอยล์ (Plot Summary & Spoilers)

 

แก่นเรื่อง: Snow White ฉบับนี้เล่าเรื่องของ สโนว์ไวท์ (Rachel Zegler) เจ้าหญิงที่มีชะตาต้องเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ แทนที่จะเป็นเพียงสาวน้อยที่ใฝ่ฝันถึงรักแท้ เธอต้องหลบหนีจากการลอบสังหารของ ราชินีใจร้าย (Evil Queen – Gal Gadot) แม่เลี้ยงผู้ริษยา และร่วมมือกับกลุ่มคนแคระ (ซึ่งถูกปรับเปลี่ยนเป็นกลุ่ม “สิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์” (Magical Creatures) และโจรหนุ่มนาม โจนาธาน (Jonathan – Andrew Burnap) เพื่อทวงคืนอาณาจักร

 

การหนีและการเผชิญหน้ากับความจริง

 

  1. จุดเริ่มต้นที่แตกต่าง: ราชินีใจร้ายแต่งงานกับพระราชาอย่างรวดเร็วหลังการสิ้นพระชนม์ของพระมเหสีองค์ก่อน และเมื่อพระราชาหายสาบสูญไปในการศึก ราชินีจึงยึดอำนาจและปกครองอาณาจักรอย่างโหดร้าย สโนว์ไวท์ถูกกักขังและถูกบังคับให้เป็นสาวใช้
  2. การพบโจนาธาน: สโนว์ไวท์พบกับ โจนาธาน หัวหน้ากลุ่มโจรในป่าผู้ที่ขโมยอาหารเพื่อแบ่งปันให้กับคนยากจน เธอช่วยให้เขาเป็นอิสระจากการถูกลงโทษ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสอง
  3. กระจกวิเศษและการหลบหนี: กระจกวิเศษยังคงเป็นเครื่องมือในการบอกความงามของราชินี แต่เมื่อมันเปลี่ยนไปยกย่องสโนว์ไวท์ในฐานะ “ผู้ที่ยุติธรรมที่สุด” (The Fairest) เนื่องจากความเมตตาและคุณสมบัติของผู้นำ ราชินีจึงสั่งให้ นายพราน ฆ่าสโนว์ไวท์ นายพรานเตือนเธอ สโนว์ไวท์จึงหนีเข้าไปในป่าลึก
  4. บ้านของคนแคระ (Magical Creatures): สโนว์ไวท์ค้นพบบ้านของสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์เจ็ดตนที่ทำงานในเหมืองเพชร (มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะของคนแคระอย่างมากในภาพยนตร์ฉบับนี้ โดยมีการใช้ CGI และนักแสดงที่มีขนาดและความหลากหลายที่แตกต่างกัน แทนที่จะเป็นคนแคระทั้งเจ็ดตามแบบฉบับดั้งเดิม) พวกเขาเห็นใจเธอและอนุญาตให้อยู่ด้วยกัน โดยสโนว์ไวท์ได้สอนให้พวกเขาจัดระเบียบและเป็นผู้นำที่ดีขึ้น (ซึ่งแตกต่างจากภาคเดิมที่เธอทำหน้าที่แม่บ้านให้)

 

จุดหักเหและการเปลี่ยนแปลงบทสรุป (Major Spoilers)

 

  1. การวางยาพิษ: ราชินีใจร้ายใช้กระจกวิเศษรู้ว่าสโนว์ไวท์ยังมีชีวิตอยู่ และได้แปลงกายเป็นหญิงชราขายของ (โดยอ้างว่าเป็นพันธมิตรของโจนาธาน) เพื่อหลอกให้สโนว์ไวท์กินแอปเปิลอาบยาพิษ ก่อนจะเปิดเผยว่านางคือผู้ฆ่าพ่อของสโนว์ไวท์เอง
  2. บทบาทของโจนาธาน: โจนาธานและนายพรานที่หลบหนีจากการถูกจองจำของราชินีได้มาถึงกระท่อมหลังจากสโนว์ไวท์หลับใหลจากการถูกยาพิษ โจนาธานจุมพิตเธอ (ยังคงมี “จุมพิตแห่งรักแท้” ตามแบบฉบับ) และสโนว์ไวท์ก็ตื่นขึ้นมา
  3. การทวงคืนอาณาจักร: การตื่นขึ้นของสโนว์ไวท์ไม่ใช่เพื่อจบด้วยการแต่งงาน แต่เพื่อ เป็นผู้นำ เธอรวบรวมกลุ่มคนแคระ/สิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ และกลุ่มโจรของโจนาธาน เพื่อนำกองทัพเข้ายึดบัลลังก์คืน
  4. การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย: สโนว์ไวท์เผชิญหน้ากับราชินีใจร้ายในปราสาท ราชินีพยายามยุยงให้สโนว์ไวท์ใช้มีดสั้นเพชรที่อยู่ในมือเพื่อฆ่านาง แต่สโนว์ไวท์ปฏิเสธที่จะใช้ความรุนแรง และหันไปเรียกร้องความยุติธรรมกับทหารและประชาชน ทหารที่สำนึกผิดได้เข้าร่วมกับสโนว์ไวท์
  5. ชะตากรรมของราชินี: กระจกวิเศษบอกกับราชินีว่าสโนว์ไวท์จะสวยงามกว่านางเสมอเพราะ “ความเมตตาและความยุติธรรม” ไม่ใช่แค่ความงามภายนอก (ซึ่งขัดแย้งกับหลักการเดิมที่ว่าความงามภายนอกเปลี่ยนไป) ราชินีโกรธแค้นจึงทำลายกระจกวิเศษซึ่งเป็นแหล่งพลังอำนาจของตน ก่อนที่นางจะถูกจับกุมหรือพบจุดจบที่คลุมเครือกว่าในฉบับการ์ตูน
  6. บทสรุป: สโนว์ไวท์กลายเป็น ราชินีผู้ปกครอง และเป็นผู้นำที่เข้มแข็งตามที่ตั้งใจไว้ โดยมีความสัมพันธ์กับโจนาธานในฐานะคู่ชีวิตที่เท่าเทียมกัน

 

บทวิจารณ์เชิงวิพากษ์ (Critique)

 

 

จุดเด่น

 

  • การแสดงนำและเสียงร้อง: Rachel Zegler ได้รับคำชมอย่างมากจากความสามารถด้านการร้องเพลงและเสน่ห์ที่สดใสของเธอ ทำให้ฉากดนตรีใหม่ๆ ของภาพยนตร์มีความโดดเด่น แม้ว่าจะมีข้อถกเถียงเรื่องการตีความตัวละครใหม่ก็ตาม
  • Gal Gadot ในบทบาทวายร้าย: Gal Gadot ในบท Evil Queen สร้างความตื่นตาตื่นใจในฉากที่เธอได้แสดงความชั่วร้ายอย่างเต็มที่และนำเสนอพลังงานที่แตกต่างจากบทบาทที่ผ่านมา
  • ดนตรีใหม่ที่ติดหู: เพลงใหม่บางเพลงจากนักแต่งเพลง Benj Pasek และ Justin Paul (จาก The Greatest Showman และ La La Land) ได้รับการยกย่องว่ามีความไพเราะและติดหู

 

จุดอ่อน

 

  • การตีความบทบาทสตรีที่ขัดแย้ง: ภาพยนตร์พยายามอย่างหนักที่จะทำให้สโนว์ไวท์เป็น “ผู้นำที่เข้มแข็ง” และ “ไม่ต้องการการช่วยเหลือจากเจ้าชาย” ซึ่งนักวิจารณ์บางคนมองว่าเป็นการบิดเบือนแก่นเรื่องเดิมที่มากเกินไป จนทำให้สูญเสียเสน่ห์ของเทพนิยายและความบริสุทธิ์ของตัวละครคลาสสิกไป นอกจากนี้ การเน้นย้ำถึง “ความยุติธรรม” แทน “ความงาม” ในตอนจบถูกมองว่าไม่สอดคล้องกับพล็อตเรื่องที่กระจกวิเศษเคยวัดผลแต่เพียงความงามภายนอก
  • CGI ที่ดูไม่สมจริง: งานภาพ CGI โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบ “สิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ทั้งเจ็ด” ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าดู “เหมือนการ์ตูน” และ “ไม่เข้ากับฉากคนแสดง” ทำให้ผู้ชมไม่สามารถเข้าถึงอารมณ์ร่วมกับตัวละครเหล่านี้ได้
  • การขาดมนต์เสน่ห์: แม้จะมีฉากที่อลังการและชุดที่สวยงาม แต่หลายคนรู้สึกว่าภาพยนตร์ขาด “เวทมนตร์” และ “ความอบอุ่น” ของภาพยนตร์แอนิเมชันต้นฉบับ โดยเน้นไปที่บทพูดที่จริงจังเกินไปและสูญเสียความขี้เล่นของเทพนิยาย
  • ข้อถกเถียงภายนอก: ภาพยนตร์เรื่องนี้ตกเป็นเหยื่อของการถูกโจมตีทางความคิดและการเมือง (Review Bombing) ตั้งแต่ก่อนเข้าฉาย เนื่องจากความเห็นของนักแสดงนำและการเปลี่ยนแปลงด้านความหลากหลายของตัวละคร ซึ่งส่งผลต่อการรับรู้คะแนนในวงกว้างอย่างมาก

ตัวอย่างหนัง

 

สรุป: Snow White (2025) เป็นภาพยนตร์ที่ตั้งใจจะปรับปรุงเรื่องราวคลาสสิกให้เข้ากับยุคสมัย แต่ความพยายามในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้กลับส่งผลย้อนกลับ ทำให้หนังขาดความสมดุลระหว่างความเคารพต่อต้นฉบับกับความต้องการที่จะ “ทันสมัย” เกินไป แม้ว่าราเชล เซเกลอร์ จะทำได้ดีในบทบาทที่ได้รับ แต่การตัดสินใจด้านภาพและบทภาพยนตร์หลายอย่างก็ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นบทเรียนราคาแพงของการรีเมคหนังเทพนิยายของ Disney

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *