หมวดหมู่: Movie

  • ตัวละครต่อไปในจักรวาลอเวนเจอร์สจะเก่งเรื่องอะไร? เปิดแนวคิด มาร์เวลเฟสใหม่และทิศทางของฮีโร่รุ่นใหม่

    คุยหนัง – Avengers Endgame ปิดบัญชีศึกชิงอัญมณีแห่งจักรวาล

    ในทุกยุคของจักรวาลมาร์เวล (Marvel Cinematic Universe: MCU) แฟน ๆ ต่างตั้งตารอว่า “ใคร” จะกลายเป็นฮีโร่คนต่อไปในทีม Avengers และ “เขาหรือเธอ” จะมีพลังแบบไหน จุดเด่นคืออะไร และจะสานต่อภารกิจของ Iron Man, Captain America หรือ Thor อย่างไรบ้าง
    หลังจากช่วง “The Multiverse Saga” ที่เต็มไปด้วยการเปิดโลกคู่ขนานและตัวละครใหม่มากมาย เช่น Shang-Chi, Ms. Marvel, Moon Knight, America Chavez และอีกหลายคน มาร์เวลกำลังเตรียมการสร้าง “ทีมอเวนเจอร์สยุคใหม่” ที่จะนำพาแฟรนไชส์เข้าสู่ทศวรรษต่อไป

    บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกว่า “ตัวละครต่อไปในดิ อเวนเจอร์ส” จะมีแนวทางเก่งเรื่องอะไร — ไม่ว่าจะเป็นด้านพลัง, มิติทางจิตใจ, การสืบทอดอุดมการณ์, หรือแม้แต่บทบาทใหม่ของเหล่าฮีโร่หน้าเก่าในบทใหม่


    จุดเริ่มต้นของอเวนเจอร์สและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่

    จากทีมต้นฉบับสู่ทีมยุคต่อไป

    จุดเริ่มต้นของอเวนเจอร์สเกิดขึ้นในปี 2012 กับภาพยนตร์ The Avengers ที่รวมฮีโร่ชื่อดังอย่าง Iron Man, Captain America, Thor, Hulk, Black Widow และ Hawkeye จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนของวงการภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ทั่วโลก

    แต่หลังจากเหตุการณ์ Avengers: Endgame (2019) โลกของ MCU ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง — ฮีโร่หลายคนจากไป บางคนเกษียณ และบางคนยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเงามืด เช่น Sam Wilson ที่สืบทอดตำแหน่ง Captain America, หรือ Doctor Strange ที่กลายเป็น “ผู้นำแห่งมิติพหุจักรวาล”

    การมาของ “Avengers ทีมใหม่”

    มาร์เวลสตูดิโอกำลังปูทางให้เกิดทีมอเวนเจอร์สชุดใหม่ ที่ไม่ได้จำกัดแค่กลุ่มฮีโร่จากเดิม แต่รวมถึงตัวละครรุ่นเยาว์ (Young Avengers) และฮีโร่จากจักรวาลคู่ขนาน
    เช่น Kate Bishop (ลูกศิษย์ของ Hawkeye), America Chavez (ผู้เปิดประตูสู่ Multiverse), และ Kamala Khan (Ms. Marvel) ที่ได้รับพลังจากกำไลมิติอันลึกลับ


    วิเคราะห์ตัวละครใหม่: ใครจะเก่งเรื่องอะไร?

    Sam Wilson – Captain America คนใหม่ที่เก่งเรื่อง “ภาวะผู้นำและความเข้าใจมนุษย์”

    Sam Wilson หรือ “The Falcon” กลายเป็น Captain America คนใหม่หลังจากรับมอบโล่จาก Steve Rogers
    จุดเด่นของ Sam ไม่ใช่พลังเหนือมนุษย์ แต่คือ ความเข้าใจผู้คน ความเห็นอกเห็นใจ และการเป็นผู้นำแบบมนุษย์ธรรมดา ที่สะท้อนแก่นแท้ของคำว่า “ฮีโร่” อย่างแท้จริง

    ในยุคที่โลกเต็มไปด้วยความแตกแยก Sam จะเป็น “หัวใจของทีมอเวนเจอร์ส” คนใหม่ ที่เชื่อมโยงทุกคนเข้าด้วยกัน


    Shang-Chi – ฮีโร่แห่งศิลปะการต่อสู้ผู้เก่งเรื่อง “พลังชีวิตและมรดกโบราณ”

    Shang-Chi ได้รับพลังจาก “Ten Rings” สิบวงแหวนมหัศจรรย์ที่มีต้นกำเนิดจากจักรวาลอันเก่าแก่
    สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นคือ ความสมดุลระหว่างจิตใจและร่างกาย เขาไม่ได้แค่ต่อสู้เก่ง แต่เข้าใจ “ความหมายของพลัง” และ “ต้นกำเนิดของตนเอง” อย่างลึกซึ้ง

    Shang-Chi จะเป็นตัวแทนของแนวคิดใหม่ใน MCU ที่ผสมผสานความลึกลับแบบเอเชียเข้ากับเทคโนโลยีของตะวันตก


    Doctor Strange – ผู้เก่งเรื่อง “การควบคุมมิติและสมดุลของความจริง”

    หลังจาก Multiverse of Madness Doctor Strange ได้เรียนรู้ว่า “พลังที่ยิ่งใหญ่ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม”
    ในเฟสถัดไป เขาอาจกลายเป็น “เสาหลักของทีม” ที่คอยควบคุมสมดุลระหว่างโลกจริงและโลกคู่ขนาน

    เขาจะรับบทเป็น “ที่ปรึกษา” ของทีมอเวนเจอร์สรุ่นใหม่ และอาจมีบทบาทสำคัญในสงครามระดับจักรวาล เช่น Avengers: Secret Wars


    Kate Bishop – มือธนูสาวผู้เก่งเรื่อง “ความแม่นยำและความมุ่งมั่น”

    Kate Bishop เป็นตัวแทนของความกล้าและความเชื่อมั่นในยุคใหม่ เธออาจไม่มีพลังเหนือธรรมชาติ แต่มี ทักษะ ความอดทน และหัวใจนักสู้ ที่ไม่แพ้ใคร
    ในทีมใหม่ เธอจะเป็นเหมือน “หัวใจแห่งพลังใจ” ที่คอยสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นเชื่อมั่นในตนเอง


    Kamala Khan – Ms. Marvel ฮีโร่สาววัยรุ่นที่เก่งเรื่อง “ความเชื่อในตัวเอง”

    Kamala Khan เป็นแฟนคลับของ Captain Marvel ที่กลายเป็นฮีโร่ด้วยพลังจากกำไลโบราณ
    สิ่งที่ทำให้เธอโดดเด่นคือความเป็น “วัยรุ่นที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ” แต่เรียนรู้ที่จะยอมรับตัวเอง
    เธอจะเป็น “แรงบันดาลใจของคนรุ่นใหม่” ที่แสดงให้เห็นว่าใครก็สามารถเป็นฮีโร่ได้ หากเชื่อในความดีและลงมือทำจริง


    Spider-Man (Peter Parker) – ผู้เก่งเรื่อง “การเติบโตและการเสียสละ”

    แม้ Peter Parker จะผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมากมาย แต่เขายังคงเป็นหัวใจของจักรวาลมาร์เวล
    เฟสต่อไปจะนำเสนอ “Spider-Man ที่เติบโตเต็มตัว” และมีบทบาทเป็นพี่เลี้ยงของเหล่าฮีโร่รุ่นใหม่

    จุดเด่นของเขาไม่ใช่แค่พลัง แต่คือ “ความรับผิดชอบ” ที่กลายเป็นรากฐานสำคัญของทีมอเวนเจอร์สยุคใหม่


    พลังใหม่ในทีมอเวนเจอร์สยุคหน้า

    การรวมตัวของเทคโนโลยีและพลังเหนือธรรมชาติ

    ทีมอเวนเจอร์สชุดต่อไปจะผสมผสานระหว่างฮีโร่สายเทคโนโลยี (Ironheart, Armor Wars) กับสายเวทมนตร์ (Doctor Strange, Scarlet Witch หากกลับมา) และสายมิติ (America Chavez)

    นั่นหมายความว่า “พลัง” ในอนาคตจะไม่ได้จำกัดแค่กล้ามเนื้อหรืออาวุธ แต่รวมถึงพลังทางมิติ ความคิด และจิตวิญญาณ


    การขยายสู่ Multiverse และ Secret Wars

    จากแนวทางของ Loki, Kang Dynasty และ Secret Wars จะเห็นว่า “Multiverse” กลายเป็นแกนกลางของเรื่องราวทั้งหมด
    ฮีโร่ในอนาคตจะไม่เพียงต้องต่อสู้กับศัตรู แต่ต้อง “เข้าใจความจริงหลายระดับ” และ “เลือกว่าโลกไหนควรอยู่รอด”


    เบื้องหลังแนวคิดของมาร์เวลเฟสใหม่

    จาก “ฮีโร่เฉพาะตัว” สู่ “ฮีโร่แห่งจิตวิญญาณร่วม”

    ในช่วงแรกของ MCU แต่ละตัวละครมักมีเรื่องราวแยกเดี่ยว แต่ในยุคใหม่นี้ มาร์เวลกำลังสร้างแนวคิด “ฮีโร่แบบทีมผสม” ที่เน้นความร่วมมือและความเข้าใจมากกว่าความโดดเด่นของคนใดคนหนึ่ง

    ตัวอย่างเช่น The Marvels ที่รวม 3 ฮีโร่หญิงในเรื่องเดียวกัน หรือ Thunderbolts ที่รวมวายร้ายกลับใจมาทำภารกิจร่วมกัน


    Kevin Feige กับวิสัยทัศน์ “ฮีโร่ที่มีหัวใจ”

    Kevin Feige ประธาน Marvel Studios เคยกล่าวว่า “เรากำลังเข้าสู่ยุคที่ผู้ชมต้องการฮีโร่ที่มีจิตใจจริง ไม่ใช่แค่ฮีโร่ที่มีพลังเหนือมนุษย์”
    ดังนั้น ตัวละครใหม่ ๆ จะไม่ได้ถูกสร้างเพื่อขายของเล่นหรือโชว์ CG สุดล้ำ แต่เพื่อ สะท้อนความเป็นมนุษย์ในยุคปัจจุบัน

    รู้หรือไม่? ทีม Avengers คนไหนได้ออกจอ "นานที่สุด" ตลอด 23 เรื่องของ


    สรุป: ฮีโร่ยุคใหม่จะเก่งในสิ่งที่ “หัวใจของโลก” ต้องการ

    สุดท้ายแล้ว ตัวละครต่อไปในอเวนเจอร์สจะไม่ได้ “เก่งเพราะพลัง”
    แต่จะ เก่งเพราะเข้าใจสิ่งที่โลกต้องการ — ความกล้า ความเมตตา และการเสียสละ

    ในยุคที่เทคโนโลยีเข้าครอบงำ ความเก่งที่แท้จริงของอเวนเจอร์สยุคใหม่คือ “ความเป็นมนุษย์” ที่ยังเชื่อในความดี


    FAQ (คำถามที่พบบ่อย)

    1. ใครจะเป็นผู้นำทีมอเวนเจอร์สคนต่อไป?
    คาดว่า Sam Wilson หรือ Doctor Strange จะเป็นผู้นำ เพราะทั้งคู่มีวิสัยทัศน์และได้รับการยอมรับจากฮีโร่คนอื่น

    2. Tony Stark จะกลับมาหรือไม่?
    ในแง่ของเนื้อเรื่องหลักไม่น่าจะกลับมา แต่ใน Multiverse อาจเห็น “เวอร์ชันอื่น” ของ Iron Man ได้

    3. Scarlet Witch ยังมีโอกาสกลับมาหรือเปล่า?
    ยังมีความเป็นไปได้สูง เพราะพลังของ Wanda ผูกโยงกับ Multiverse และมีบทบาทใน Secret Wars

    4. ทีม Young Avengers จะเกิดขึ้นจริงไหม?
    มีแนวโน้มสูงมาก เนื่องจากมาร์เวลเริ่มปูทางผ่านซีรีส์อย่าง Hawkeye, Ms. Marvel, และ Ironheart

    5. Kang the Conqueror ยังเป็นตัวร้ายหลักอยู่หรือไม่?
    อาจมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากปัญหานอกจอของนักแสดง แต่แนวคิด Multiverse War ยังดำเนินต่อแน่นอน

    6. ฮีโร่ไทยมีโอกาสปรากฏใน MCU หรือเปล่า?
    ยังไม่มีการประกาศ แต่มีข่าวลือว่ามาร์เวลอาจขยายตลาดเอเชีย และตัวละครจากตำนานไทยอาจได้แรงบันดาลใจในอนาคต


  • Snow White (2025) สโนว์ไวท์

    Snow White (2025) สโนว์ไวท์

    Snow White ฉบับคนแสดง (Live-Action) ของ Disney ในปี 2025 เป็นความพยายามที่จะนำเรื่องราวคลาสสิกปี 1937 มาตีความใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย โดยเน้นย้ำถึงความเป็นผู้นำและความเข้มแข็งของตัวเอกหญิงมากกว่าการรอคอยเจ้าชาย แต่น่าเสียดายที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบปัญหาอย่างมากทั้งในด้านคำวิจารณ์และผลตอบรับจากผู้ชม จนกลายเป็นหนึ่งในหนังรีเมคของ Disney ที่มีกระแสวิจารณ์แตกแยกที่สุด

    คะแนนและกระแสวิจารณ์โดยรวม

     

    • Rotten Tomatoes (นักวิจารณ์): ค่อนข้างผสมผสานถึงติดลบ โดยได้คะแนนประมาณ 40-47% นักวิจารณ์ส่วนใหญ่ชื่นชมการแสดงของ ราเชล เซเกลอร์ (Rachel Zegler) ในบทนำโดยเฉพาะทักษะด้านการร้องเพลง แต่มีปัญหาอย่างมากกับทางเลือกด้านสไตล์ ภาพ CGI และการเปลี่ยนแปลงบทสรุปของเรื่อง
    • IMDB: คะแนนผู้ใช้ประสบปัญหา “Review Bombing” อย่างรุนแรงหลังการเข้าฉาย ทำให้คะแนนเฉลี่ยร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ของภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ โดยอยู่ระหว่าง ในช่วงแรก (IMDB ได้ใส่หมายเหตุว่ามีการโหวตที่ผิดปกติ) แม้ว่าคะแนนผู้ใช้ที่ได้รับการยืนยัน (Verified Audience Score) บน Rotten Tomatoes จะดีกว่า (74%) แต่กระแสในวงกว้างยังคงเป็นไปในทางลบ
    • Box Office: ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่า ล้มเหลว ในเชิงรายได้ เมื่อเทียบกับทุนสร้างที่สูง ($240-$270 ล้าน)

     

    เรื่องย่อโดยละเอียดและสปอยล์ (Plot Summary & Spoilers)

     

    แก่นเรื่อง: Snow White ฉบับนี้เล่าเรื่องของ สโนว์ไวท์ (Rachel Zegler) เจ้าหญิงที่มีชะตาต้องเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ แทนที่จะเป็นเพียงสาวน้อยที่ใฝ่ฝันถึงรักแท้ เธอต้องหลบหนีจากการลอบสังหารของ ราชินีใจร้าย (Evil Queen – Gal Gadot) แม่เลี้ยงผู้ริษยา และร่วมมือกับกลุ่มคนแคระ (ซึ่งถูกปรับเปลี่ยนเป็นกลุ่ม “สิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์” (Magical Creatures) และโจรหนุ่มนาม โจนาธาน (Jonathan – Andrew Burnap) เพื่อทวงคืนอาณาจักร

     

    การหนีและการเผชิญหน้ากับความจริง

     

    1. จุดเริ่มต้นที่แตกต่าง: ราชินีใจร้ายแต่งงานกับพระราชาอย่างรวดเร็วหลังการสิ้นพระชนม์ของพระมเหสีองค์ก่อน และเมื่อพระราชาหายสาบสูญไปในการศึก ราชินีจึงยึดอำนาจและปกครองอาณาจักรอย่างโหดร้าย สโนว์ไวท์ถูกกักขังและถูกบังคับให้เป็นสาวใช้
    2. การพบโจนาธาน: สโนว์ไวท์พบกับ โจนาธาน หัวหน้ากลุ่มโจรในป่าผู้ที่ขโมยอาหารเพื่อแบ่งปันให้กับคนยากจน เธอช่วยให้เขาเป็นอิสระจากการถูกลงโทษ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสอง
    3. กระจกวิเศษและการหลบหนี: กระจกวิเศษยังคงเป็นเครื่องมือในการบอกความงามของราชินี แต่เมื่อมันเปลี่ยนไปยกย่องสโนว์ไวท์ในฐานะ “ผู้ที่ยุติธรรมที่สุด” (The Fairest) เนื่องจากความเมตตาและคุณสมบัติของผู้นำ ราชินีจึงสั่งให้ นายพราน ฆ่าสโนว์ไวท์ นายพรานเตือนเธอ สโนว์ไวท์จึงหนีเข้าไปในป่าลึก
    4. บ้านของคนแคระ (Magical Creatures): สโนว์ไวท์ค้นพบบ้านของสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์เจ็ดตนที่ทำงานในเหมืองเพชร (มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะของคนแคระอย่างมากในภาพยนตร์ฉบับนี้ โดยมีการใช้ CGI และนักแสดงที่มีขนาดและความหลากหลายที่แตกต่างกัน แทนที่จะเป็นคนแคระทั้งเจ็ดตามแบบฉบับดั้งเดิม) พวกเขาเห็นใจเธอและอนุญาตให้อยู่ด้วยกัน โดยสโนว์ไวท์ได้สอนให้พวกเขาจัดระเบียบและเป็นผู้นำที่ดีขึ้น (ซึ่งแตกต่างจากภาคเดิมที่เธอทำหน้าที่แม่บ้านให้)

     

    จุดหักเหและการเปลี่ยนแปลงบทสรุป (Major Spoilers)

     

    1. การวางยาพิษ: ราชินีใจร้ายใช้กระจกวิเศษรู้ว่าสโนว์ไวท์ยังมีชีวิตอยู่ และได้แปลงกายเป็นหญิงชราขายของ (โดยอ้างว่าเป็นพันธมิตรของโจนาธาน) เพื่อหลอกให้สโนว์ไวท์กินแอปเปิลอาบยาพิษ ก่อนจะเปิดเผยว่านางคือผู้ฆ่าพ่อของสโนว์ไวท์เอง
    2. บทบาทของโจนาธาน: โจนาธานและนายพรานที่หลบหนีจากการถูกจองจำของราชินีได้มาถึงกระท่อมหลังจากสโนว์ไวท์หลับใหลจากการถูกยาพิษ โจนาธานจุมพิตเธอ (ยังคงมี “จุมพิตแห่งรักแท้” ตามแบบฉบับ) และสโนว์ไวท์ก็ตื่นขึ้นมา
    3. การทวงคืนอาณาจักร: การตื่นขึ้นของสโนว์ไวท์ไม่ใช่เพื่อจบด้วยการแต่งงาน แต่เพื่อ เป็นผู้นำ เธอรวบรวมกลุ่มคนแคระ/สิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ และกลุ่มโจรของโจนาธาน เพื่อนำกองทัพเข้ายึดบัลลังก์คืน
    4. การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย: สโนว์ไวท์เผชิญหน้ากับราชินีใจร้ายในปราสาท ราชินีพยายามยุยงให้สโนว์ไวท์ใช้มีดสั้นเพชรที่อยู่ในมือเพื่อฆ่านาง แต่สโนว์ไวท์ปฏิเสธที่จะใช้ความรุนแรง และหันไปเรียกร้องความยุติธรรมกับทหารและประชาชน ทหารที่สำนึกผิดได้เข้าร่วมกับสโนว์ไวท์
    5. ชะตากรรมของราชินี: กระจกวิเศษบอกกับราชินีว่าสโนว์ไวท์จะสวยงามกว่านางเสมอเพราะ “ความเมตตาและความยุติธรรม” ไม่ใช่แค่ความงามภายนอก (ซึ่งขัดแย้งกับหลักการเดิมที่ว่าความงามภายนอกเปลี่ยนไป) ราชินีโกรธแค้นจึงทำลายกระจกวิเศษซึ่งเป็นแหล่งพลังอำนาจของตน ก่อนที่นางจะถูกจับกุมหรือพบจุดจบที่คลุมเครือกว่าในฉบับการ์ตูน
    6. บทสรุป: สโนว์ไวท์กลายเป็น ราชินีผู้ปกครอง และเป็นผู้นำที่เข้มแข็งตามที่ตั้งใจไว้ โดยมีความสัมพันธ์กับโจนาธานในฐานะคู่ชีวิตที่เท่าเทียมกัน

     

    บทวิจารณ์เชิงวิพากษ์ (Critique)

     

     

    จุดเด่น

     

    • การแสดงนำและเสียงร้อง: Rachel Zegler ได้รับคำชมอย่างมากจากความสามารถด้านการร้องเพลงและเสน่ห์ที่สดใสของเธอ ทำให้ฉากดนตรีใหม่ๆ ของภาพยนตร์มีความโดดเด่น แม้ว่าจะมีข้อถกเถียงเรื่องการตีความตัวละครใหม่ก็ตาม
    • Gal Gadot ในบทบาทวายร้าย: Gal Gadot ในบท Evil Queen สร้างความตื่นตาตื่นใจในฉากที่เธอได้แสดงความชั่วร้ายอย่างเต็มที่และนำเสนอพลังงานที่แตกต่างจากบทบาทที่ผ่านมา
    • ดนตรีใหม่ที่ติดหู: เพลงใหม่บางเพลงจากนักแต่งเพลง Benj Pasek และ Justin Paul (จาก The Greatest Showman และ La La Land) ได้รับการยกย่องว่ามีความไพเราะและติดหู

     

    จุดอ่อน

     

    • การตีความบทบาทสตรีที่ขัดแย้ง: ภาพยนตร์พยายามอย่างหนักที่จะทำให้สโนว์ไวท์เป็น “ผู้นำที่เข้มแข็ง” และ “ไม่ต้องการการช่วยเหลือจากเจ้าชาย” ซึ่งนักวิจารณ์บางคนมองว่าเป็นการบิดเบือนแก่นเรื่องเดิมที่มากเกินไป จนทำให้สูญเสียเสน่ห์ของเทพนิยายและความบริสุทธิ์ของตัวละครคลาสสิกไป นอกจากนี้ การเน้นย้ำถึง “ความยุติธรรม” แทน “ความงาม” ในตอนจบถูกมองว่าไม่สอดคล้องกับพล็อตเรื่องที่กระจกวิเศษเคยวัดผลแต่เพียงความงามภายนอก
    • CGI ที่ดูไม่สมจริง: งานภาพ CGI โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบ “สิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ทั้งเจ็ด” ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าดู “เหมือนการ์ตูน” และ “ไม่เข้ากับฉากคนแสดง” ทำให้ผู้ชมไม่สามารถเข้าถึงอารมณ์ร่วมกับตัวละครเหล่านี้ได้
    • การขาดมนต์เสน่ห์: แม้จะมีฉากที่อลังการและชุดที่สวยงาม แต่หลายคนรู้สึกว่าภาพยนตร์ขาด “เวทมนตร์” และ “ความอบอุ่น” ของภาพยนตร์แอนิเมชันต้นฉบับ โดยเน้นไปที่บทพูดที่จริงจังเกินไปและสูญเสียความขี้เล่นของเทพนิยาย
    • ข้อถกเถียงภายนอก: ภาพยนตร์เรื่องนี้ตกเป็นเหยื่อของการถูกโจมตีทางความคิดและการเมือง (Review Bombing) ตั้งแต่ก่อนเข้าฉาย เนื่องจากความเห็นของนักแสดงนำและการเปลี่ยนแปลงด้านความหลากหลายของตัวละคร ซึ่งส่งผลต่อการรับรู้คะแนนในวงกว้างอย่างมาก

    ตัวอย่างหนัง

     

    สรุป: Snow White (2025) เป็นภาพยนตร์ที่ตั้งใจจะปรับปรุงเรื่องราวคลาสสิกให้เข้ากับยุคสมัย แต่ความพยายามในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้กลับส่งผลย้อนกลับ ทำให้หนังขาดความสมดุลระหว่างความเคารพต่อต้นฉบับกับความต้องการที่จะ “ทันสมัย” เกินไป แม้ว่าราเชล เซเกลอร์ จะทำได้ดีในบทบาทที่ได้รับ แต่การตัดสินใจด้านภาพและบทภาพยนตร์หลายอย่างก็ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นบทเรียนราคาแพงของการรีเมคหนังเทพนิยายของ Disney